ผักกาดหัวเอเวอร์เรสท์ พืชสร้างรายได้ดีที่ปากช่อง ทนร้อน ทนแล้ง ผลผลิตสูง 5-6ตันต่อไร่

“ผักกาดหัว” หรือ “หัวไชเท้า” เป็นชื่อของพืชล้มลุกขนาดเล็ก ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน มีลักษณะเป็นทรงกลมหรือทรงกระบอก ขนาดค่อนข้างอวบ มีเนื้อในที่แน่นและฉ่ำด้วยน้ำ สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ทั้งคาวและหวาน ซึ่งนอกจากผักกาดหัวจะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารแล้ว สรรพคุณของผักชนิดนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับตัวช่วยลดน้ำหนักหรือคนที่มีปัญหาท้องอืด อาหารไม่ย่อย เมื่อรับประทานเข้าไปจะสามารถช่วยลดอาการได้ เนื่องจากผักกาดหัวเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีไฟเบอร์สูง เมื่อรับประทานจึงทำให้อิ่มไว ส่วนไฟเบอร์ก็มีส่วนช่วยในกระบวนการขับถ่าย ปรับสมดุลในระบบย่อยอาหาร ช่วยแก้อาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย

คุณอภิสิทธิ์ ญาณประสิทธิ์เวทย์ อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 7 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ยึดอาชีพปลูกผักกาดหัวมานานกว่า 36 ปี โดยเริ่มทำเกษตรปลูกผักใบสลับกับการปลูกผักกาดหัวมาตั้งแต่ปี 2527 ที่อำเภอบางบัวทองมาก่อน แต่ด้วยความเจริญที่เบียดเข้ามาเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นต้องขยับขยายออกห่างเมืองมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่อำเภอปากช่อง

คุณอภิสิทธิ์ เล่าถึงการทำเกษตรว่า หลังจากที่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่ปากช่อง ได้เลิกปลูกผักใบแล้วหันมาปลูกเฉพาะผักกาดหัวอย่างเดียวบนพื้นที่กว่า 157 ไร่ แบ่งพื้นที่การปลูกเป็นวงกลมเพื่อให้มีผลผลิตเก็บขายได้ทุกวัน โดยพันธุ์ผักกาดหัวที่เลือกปลูกคือ เอเวอร์เรสท์ ตราเจียไต๋ถือเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยปลูกมา เนื่องจากมีจุดเด่นหลายข้อ 1.ด้านสายพันธุ์เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากญี่ปุ่นแท้ ปลูกได้ทุกฤดู น้ำหนักดีหัวโตสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 50 วัน  2.ด้านคุณภาพ เนื้อดี ไม่ฟ่าม 3.ด้านรสชาติที่เหนือกว่าตลาด หวานอร่อย ไม่ขื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทั้งเกษตรกรและแม่ค้าต้องการทั้งหมด

เทคนิคการปลูกผักกาดหัวคุณภาพ
น้ำหนักดี ทรงสวย ผิวเนียน เนื้อไม่ฟ่าม ผลผลิตต่อไร่สูง


เจ้าของบอกว่า การปลูกผักกาดหัวให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ปัจจัยที่สำคัญและถือเป็นบันไดขั้นแรกของการทำเกษตรคือเมล็ดพันธุ์ที่ดีถัดมา คือ ดิน ผักกาดหัวจะปลูกได้ดีกับดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ซึ่งดินที่ปากช่องถือเป็นดินที่เหมาะกับการปลูกผักกาดหัวเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ให้ผลผลิตสูง รสชาติหวาน ไม่ขื่น กลิ่นไม่ฉุน ปัจจัยต่อมา คือ ฤดูกาลในการปลูก ผักกาดหัวสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ในฤดูแล้งคือช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่ปลูกยากที่สุดเพราะอากาศที่ร้อนจัด ประกอบกับน้ำมีน้อย ถือเป็นฤดูหินของเกษตรกรเพราะฉะนั้นปัจจัยที่ช่วยให้การปลูกมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ต้องวนกลับไปที่การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีซึ่ง เอเวอร์เรสท์ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทนแล้ง เจริญเติบโตได้ดี และมีอัตราการรอดสูง หน้าแล้งก็ยังให้ผลผลิตต่อไร่สูงไม่ต่ำกว่า 5 ตันต่อไร่ และสุดท้าย ปัจจัยทางด้านสภาพอากาศ คือ ดินต้องดีถ้าดินไม่ดีหัวจะคด ไม่ตรงสวย และน้ำต้องห้ามขาด ถ้าขาดน้ำจะส่งผลไปถึงลักษณะของผิวที่ขรุขระ เมล็ดผักกาดหัว “เอเวอร์เรสท์” นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ทนร้อน ทนแล้ง ปลูกได้ทุกฤดู

ขั้นตอนการปลูกที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลผลิต หัวตรงสวย


สำหรับขั้นตอนการปลูกนั้น การเตรียมดินและแปลงถือเป็นขั้นตอนแรกที่ต้องให้ความสำคัญ ผักกาดหัวมีระบบรากลึก ควรพรวนดินอย่างดี เพื่อการ แทงหัว ได้ตรง โดยเริ่มต้นจากการพรวนดินแล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วหว่านปุ๋ยคอกคราดพรวนดินให้ละเอียดอีกครั้ง ที่สำคัญความลึกต้องได้ประมาณ 8-10 นิ้ว จะทำให้การแทงหัวได้ดีรูปทรงออกมาตรงสวยจากนั้นทำการหยอดเมล็ด 1 หลุม ต่อ 1 เมล็ด และต้องเว้นระยะห่างระหว่างต้น 20×20 เซนติเมตร โดยขั้นตอนการหยอดเมล็ดจะต้องมีความพิถีพิถันด้วยการนำตะแกรงเหล็กที่วัดระยะห่างเอาไว้แล้ว มาใช้ในขั้นตอนการหยอดเมล็ดด้วย เพื่อให้ได้ระยะห่างที่แน่นอน

หลังจากหยอดเมล็ดเสร็จแล้ว ประมาณ 15-18 วัน ให้ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 สูตรเสมอ 16-16-16 และอีกประมาณ 35-38 วัน ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 สูตร 12-12-17 และเมื่ออายุเลย 40 วันไปแล้วใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 สูตร 8-24-24 หรือ 8-26-26  ปิดท้ายรอเก็บเกี่ยวผลผลิต

ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลงในดิน

ระบบน้ำ สปริงเกลอร์วางขนาบไปด้านข้างทั้งสองด้านยาวไปตลอดทั้งแปลง เปิดรดน้ำวันละ 1 ครั้ง วันไหนฝนตกก็ไม่ต้องรด

ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต ผักกาดหัว “เอเวอร์เรสท์” สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 50 วัน หลังจากหยอดเมล็ด ซึ่งจะทำให้ได้หัวใหญ่และผลผลิตสูง ในขณะที่พันธุ์ทั่วไป หากอายุเกิน 45 วัน จะเริ่มมีอาการฟ่าม คือข้างในจะฝ่อ เนื้อไม่แน่นเพราะแก่เกินกำหนด ทำให้น้ำหนักผลผลิตลดลง แต่ “เอเวอร์เรสท์” มีจุดเด่นเรื่องทนฟ่าม ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวได้จนถึงอายุ 55 วัน โดยที่ไม่ฟ่าม ซึ่งส่งผลให้ผักกาดหัวมีคุณภาพที่ดีเนื่องจากการเก็บเกี่ยวที่เต็มอายุ

ผักกาดหัวใกล้ถึงระยะเก็บเกี่ยว หัวตรง ไม่คด

ผลผลิต 5-7 ตันต่อไร่ ถือว่าได้ผลผลิตเยอะกว่าที่อื่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีและปลูกในดินที่เหมาะสมซึ่งทุกวันนี้ที่สวนเก็บส่งขายตลาดได้ทุกวัน วันละ 5-6 ตัน เฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 1,750 ตัน

ข้อควรระวัง ผักกาดหัวบางคนคิดว่าเป็นพืชกินหัว ใบจึงไม่สำคัญแต่จริงๆ แล้วใบถือเป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะใบเปรียบเสมือนโรงครัวคอยหาอาหารสร้างอาหารให้หัว ถ้าใบหลุดร่วงหัวจะไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ซึ่งเอเวอร์เรสท์เป็นพันธุ์ที่รักษาง่าย ประคองให้อยู่ในเกณฑ์60 เปอร์เซนต์เป็นอันใช้ได้


ราคา อย่าให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5-6 บาท ถือว่าอยู่ได้แล้ว ซึ่งช่วงเดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายน นับเป็นช่วงที่ราคาดีที่สุดกิโลกรัมละ 20-30 บาท เพราะผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อย เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกผักกาดหัวรายได้ราคาผันผวนตามกลไกตลาดเฉลี่ยอย่าให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5-6 บาท ถ้าได้เกิน 7 บาท ถือว่าแฮปปี้ได้กำไรกิโลละ 1-2บาท ก็พอแล้ว เพราะมีน้ำหนักต่อไร่สูงมาเป็นตัวช่วย

ข้อดีของการปลูกผักกาดหัว มีวิธีการปลูกเหมือนผักใบทั่วไป แต่มีวิธีการดูแลที่ง่ายกว่าผักใบ และการแลกเปลี่ยนต่อพื้นที่จะได้น้ำหนักเยอะกว่าผักใบมาก น้ำหนักต่อพื้นที่ได้มากกว่าผักชนิดอื่น ถึงแม้ราคาจะไม่สามารถควบคุมได้แต่เกษตรกรสามารถควบคุมน้ำหนักต่อไร่ได้

ฝากถึงเกษตรกรมือใหม่หัดปลูก
“ผักกาดหัว ถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีถึงแม้ในบางครั้งราคาอาจจะผันผวนไปตามตลาดแต่น้อยมากถ้าเทียบกับผักชนิดอื่นแล้วและหากเกษตรกรมือใหม่ที่สนใจอยากจะทดลองปลูกเป็นอาชีพแนะนำว่าช่วงแรกให้หาเงินทุนให้พอก่อน จากนั้นศึกษาวิธีการปลูกศึกษาโรคประจำของพืช ว่ามีโรคอะไรบ้าง พยายามศึกษาให้ถ่องแท้แล้วจึงค่อยลงมือ เพราะการเกษตรไม่มีอะไรที่กำหนดได้ โดยเฉพาะเรื่องของฝน ฟ้า อากาศ” คุณอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

Your cart

No products in the cart.