ปลูกกะหล่ำปลีให้ประสบผลสำเร็จในแบบฉบับของผู้ใหญ่ใจ

กรุงเทพฯ– ใกล้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอย่างภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์ก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ด้วยบรรยากาศของไร่กะหล่ำปลีสวยๆ ที่คุ้นเคยกันดี

ด้วยช่วงนี้เข้าใกล้ฤดูกาลปลูกหลักของกะหล่ำปลี ซึ่งระยะเพาะกล้าจะเริ่มในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแก่การเพาะปลูกกะหล่ำปลี เจียไต๋ จึงขอเผยความสำเร็จในการปลูกกะหล่ำปลีในแบบฉบับของผู้ใหญ่ใจ เกษตรกรแห่งภูทับเบิก ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกกะหล่ำปลี ด้วยการให้ความสำคัญในการคัดเลือกสายพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ที่ดี และยังส่งต่อภูมิปัญญาแก่กลุ่มเพื่อนเกษตรกร เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการเพาะปลูก และให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้สำหรับระยะเพาะกล้าที่กำลังจะมาถึงนี้

นายใจ แซ่เถา หรือผู้ใหญ่ใจ เกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญในการปลูกกะหล่ำปลีที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี กล่าวว่า “เมื่อก่อนกะหล่ำปลีปลูกได้ดีเฉพาะฤดูหนาว แต่ไม่ค่อยทนโรค ทนฝน เริ่มแรกปลูกด้วยสายพันธุ์เดิมๆ แต่เมื่อรู้จักเจียไต๋ จึงได้ทดลองใช้เมล็ดพันธุ์ และพบว่ามีการพัฒนาสายพันธุ์จนสามารถทนร้อน ปลูกได้ในทุกฤดูกาล และเกือบทุกภูมิประเทศ จึงเลือกใช้เมล็ดพันธุ์กะหล่ำปลีเจียไต๋มาโดยตลอด ด้วยความประทับใจที่เจียไต๋ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจกับคุณภาพเมล็ดพันธุ์จากเจียไต๋ที่การันตีว่าดีทั้งในแง่การเพาะปลูกและคุณภาพของผลิตผลที่ได้กะหล่ำปลีสวย รสชาติหวาน กรอบ อร่อย และที่สำคัญตลาดให้การยอมรับด้วยยอดสั่งซื้อ 100%”

 

สายพันธุ์กะหล่ำปลีเจียไต๋ ที่เกษตรกรนิยมปลูก


1. T-523 – แข็งแรงทนโรค ปลูกได้ทุกพื้นที่ เก็บแขนงได้
กะหล่ำปลี T-523 ทนโรค ทนฝน สามารถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพการเพาะปลูก ปลูกแล้วได้ผลิตผลแน่นอน จุดเด่นคือ เป็นสายพันธุ์ที่สามารถเก็บแขนงได้ และยังเป็นที่ต้องการของตลาดโดยทั่วไป มีอายุเก็บเกี่ยว 60-65 วันหลังย้ายกล้า

2. T-530 – ห่อหัวแน่น น้ำหนักดี ทนขนส่ง ปลูกได้ทุกฤดู
กะหล่ำปลี T-530 สามารถเก็บเกี่ยวผลิตผลได้เร็ว ห่อหัวแน่น น้ำหนักดี ผลิตผลต่อไรสูง ทนโรคและทนฝน อีกทั้ง ยังทนต่อการขนส่ง เป็นที่ต้องการของตลาด มีอายุเก็บเกี่ยว 60-65 วันหลังย้ายกล้า

3. Passion – ปลูกง่าย ทนโรค หัวใหญ่
กะหล่ำปลี Passion สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยรสชาติหวาน กรอบ อร่อย ประกอบอาหารได้หลากหลายโดยให้รสชาติดี หรือทานสดเป็นผักเคียง สายพันธุ์นี้ต้อบโจทย์ได้หมด จึงเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะร้านอาหาร ภัตตาคาร ทนโรค มีอายุเก็บเกี่ยว 60-65 วันหลังย้ายกล้า

สายพันธุ์ทั้งหมดข้างต้นเป็นสายพันธุ์ที่เจียไต๋ได้ร่วมพัฒนากับบริษัท TAKII Seed Co., Ltd. ผู้นำธุรกิจเมล็ดพันธุ์ระดับโลกของประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับปรุงพันธุ์และทดสอบจนได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมต่อการปลูกในแต่ละพื้นที่
ฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก

•  ช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม ถึง กันยายน) เป็นฤดูกาลหลักของกะหล่ำปลี เพราะเกษตรกรที่ปลูกบนดอยอาศัยน้ำฝนเป็นหลักในการเจริญเติบโตของกะหล่ำปลี ซึ่งเกษตรกรจะเริ่มเพาะกล้าในช่วงพฤษภาคมนี้

• ช่วงปลายฝนต้นหนาว (สิงหาคม ถึง พฤศจิกายน) จากแปลงที่ปลูกในฤดูฝน เกษตรกรจะลงปลูกรอบต่อไปเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวต่อ

• ช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์) พอหมดช่วงฤดูฝนและเข้าฤดูหนาว เกษตรกรก็จะเริ่มย้ายลงมาปลูกบนพื้นราบที่อยู่บนดอย เพื่อหาพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ เนื่องจากบนเขาสูงไม่สามารถปลูกได้เพราะน้ำไม่เพียงพอ

ปริมาณการใช้เมล็ดพันธุ์
• 1 ไร่ ใช้ 1 กระป๋อง (50 กรัม) สามารถปลูกได้ประมาณ 10,000-12,000 ต้น
ผลิตผลต่อไร่ (ปริมาณผลิตผลขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เพาะปลูก)

• ฤดูฝน โรคแมลงจะเยอะ ได้ผลิตผลประมาณ 6-7 ตัน

• ฤดูหนาว โรคแมลงไม่ค่อยมี ได้ผลิตผลประมาณ 8-10 ตัน
“ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ควบคู่กับการสนับสนุนที่ดีจากเจียไต๋ ทำให้ผมก้าวมาถึงจุดที่

ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้” ผู้ใหญ่กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ใจไม่เก็บความสำเร็จไว้เพียงผู้เดียว หากส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนด้วยการขยายการปลูกกะหล่ำปลีสู่เครือข่ายเพื่อนเกษตรกร ทั้งยังเป็นแกนนำในการเจรจาธุรกิจเพื่อกระจายผลิตผลสู่ตลาดรายใหญ่ทั่วประเทศอย่างเป็นธรรม และด้วยความคิดที่ไม่หยุดพัฒนาและเรียนรู้ ในอนาคตผู้ใหญ่ใจมีเป้าหมายในการพัฒนาวิธีการเพาะปลูกโดยปรับเปลี่ยนจากการเพาะในดินกลางแจ้ง ตอนนี้ได้เริ่มหันมาเพาะในโรงเรือนมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ เพื่อให้ได้ผลิตผลที่ดียิ่งขึ้น มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกๆ ฝ่ายทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค

ผู้ใหญ่ใจกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมเลือกเจียไต๋ เพราะมั่นใจในคุณภาพโดยเฉพาะการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประทับใจการดูแลเอาใจใส่ที่มีให้ผมและพี่น้องเกษตรกรด้วยดีมาตลอด”

สำหรับผู้ที่สนใจเคล็ดลับในการทำการเกษตร สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง Facebook CHIA TAI SEED เมล็ดพันธุ์เจียไต๋: https://bit.ly/CabbageSeedFB หรือรับชมคลิปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ใจทาง YouTube Channel Chia Tai Group Official: https://bit.ly/CabbageCTYouTube
###

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเจียไต๋
บริษัท เจียไต๋ จำกัด ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2464 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทเกษตรกรรมชั้นนำของเอเชีย ธุรกิจของเจียไต๋ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปสู่ปลายน้ำ โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการที่เริ่มต้นตั้งแต่เมล็ดพันธุ์คุณภาพ ปุ๋ย ผลิตภัณท์อารักขาพืช  เทคโนโลยีเพื่อการเพาะปลูก ไปจนถึงการส่งมอบผลิตผลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ

ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เจียไต๋เป็นหนึ่งในบริษัทรายแรกๆ ของไทยที่คิดค้นวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ไฮบริด  และยังมีศักยภาพในการค้นคว้าวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร และมอบความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยมีสถานีวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชทั้งในและต่างประเทศกว่า 10 แห่ง และบริษัทสาขาอีก 7 แห่งกระจายอยูทั่วภูมิภาคเอเชียและอเมริกา โดยมีพนักงานกว่า 1,300 คน

ที่เจียไต๋ เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม  มีความเป็นมืออาชีพ และมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อส่งมอบนวัตกรรมการเกษตรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนของคนทั่วทั้งภูมิภาค

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัท เจียไต๋ จำกัด
อณิมา ทัศจันทร์
โทร 02 491 7740
อีเมล Anima.ta@chiataigroup.com
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
ศุภลักษณ์ หมื่นจร / ชลธร ลักคนาชีวิน / ใบบุญ วิเศษชาติ
โทร. 02 627 3501 ต่อ 218, 118 หรือ 158
อีเมล smuenjorn@hkstrategies.com
clukkhanachewin@hkstrategies.com
bwisetchart@hkstrategies.com

สุนิสา ถาวรวงศ์สกุล
โทร 02 491 7865
อีเมล Sunisa.th@chiataigroup.com

Your cart

No products in the cart.